วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557


ชมรมลูกเสือกองร้อยพิเศษวัดสุทธิวราราม

สวัสดีครับพี่น้องชาวกองร้อยพิเศษวัดสุทธิวรารามลูกเสือกองร้อยพิเศษฯได้ผ่านมากว่า40ฝน40หนาวที่ใครหลายๆคนยังคงคิดถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตที่ผ่านมานับจากรุ่นพี่ๆได้สร้างบ้านเล็กๆขึึ้นมามีสมาชิกในครอบครัวไม่กี่ท่านเรียกว่า "รุ่นก่อตั้ง" มาถึงวันนี้ลูกเสือกองร้อยพิเศษวัดสุทธิวรารามมาถึงรุ่น37แล้วแต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้พวกเราพี่ๆน้องๆก็ผ่านอุปสรคมาเยอะแยะมากมายเล่นเอาเหนื่อยกันทีเดียวเชียวก็ว่ากันไปตามยุคสมัย วันนี้ลูกเสือกองร้อยพิเศษวัดสุทธิวรารามไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปอย่างเช่นอดีตแล้วเพราะวันนี้รุ่นพี่ศิษย์เก่าได้จัดให้มีการรวมตัวของศิษย์เก่าทั้งหมดเท่าที่จะตามกันเจอมาทำกิจกรรมร่วมกันภายใต้ชื่อ "ชมรมลูกเสือกองร้อยพิเศษวัดสุทธิวราราม" กว่าจะจัดตั้งชมรมได้ก็เล่นเอาหอบเลยที่เดียวเพราะต้องตามหาพี่ๆน้องๆเพื่อนๆกันได้555ต้องขอขอบคุณเทพเจ้าfacebookที่ทำให้พวกเราชาวกองร้อยพิเศษฯได้กลับมาเจอกันแบบสะดวก(นิดๆ)แต่ก็เอาเป็นว่าวันนี้รวมๆกันได้ร้อยกว่าคนก็โอเคนะผมว่า การรวมตัวของพี่น้องกองร้อยพิเศษฯนั้นก็มีวัตถุประสงค์หลายๆอย่างด้วยกันแต่หลักๆก็เข้ามาดูแลน้องๆ ส่งสเริมสนับสนุนกิจกรรมลูกเสือกองร้อยพิเศษฯ เป็นแหล่งชุมนุมพบปะของศิษย์เก่าทานอาหารเล่าความหลังกัน..เฮ้อ(แก่แล้ว) เลยต้องมาคุยกันถึงเรื่องอดีต5555555 สนุกพี่ๆเค้าล่ะเรามาย้อนกันนิดนะครับว่ากองร้อยพิเศษวัดสุทธิวรารามนั้นมีความเป็นมากันอย่างไรน่าจะสนุกนะครับ เอาล่ะสิ่งแรกมามาไล่รุ่นกันก่อนพอหอมปากหอมคอพอให้น้องรุ่นหลังๆจะรู้จักกันบ้างนะครับ
รุน>> ก่อตั้ง
รุ่น1>>  เพชรบงกช                  
รุ่น2>>  มงคลชัย                
รุ่น3>>  ไตรมาสก์
รุ่น4>>  จตุรชัย
รุ่น5>>  พิชัยเบญจ
รุ่น6>>  ฉัตรนรินทร์
รุ่น7>>  รัตนโกสินทร์
รุ่น8>>  จักรินทร์
รุ่น9>>  อินทมาศ
รุ่น10>> ทศภักดิ์
ส่วนรุ่น 11 - 14 จำไม่ได้แต่ถ้าใครมีข้อมูลก็บอกมานะครับผมจะได้นำมาลงไว้ และต่อไปนี้เรามาอ่านที่มาหรือประวัติของลูกเสือกองร้อยพิเศษวัดสุทธิวรารามกันต่อไปนะครับข้อมูลนี้พี่ถ่อง(รุ่นก่อตั้ง)ให้ข้อมูลไว้**
ถ้าจะถามผมว่า ลูกเสือกองร้อยพิเศษโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ก็อาจตอบได้ว่า โดยรูปแบบของการฝึกอบรม การฝึกระเบียบแถว ที่นอกเหนือจากหลักสูตรลูกเสือทั่วๆ ไปแล้ว ลูกเสือกองร้อยพิเศษมีมาตั้งแต่ปี 2517 เพราะเราได้เริ่มต้นรวบรวมนักเรียนที่สนใจ และรักชอบในวิชาลูกเสือนำมาฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ทั้งในด้านวิชาลูกเสือ วิชาระเบียบแถว การอยู่ค่ายพักแรม แตกต่างจากลูกเสือกองร้อยพิเศษเต็มรูปแบบตรงที่เครื่องแบบซึ่งมีแค่ความคล้ายคลึงกันเท่านั้น ไม่ได้ตัดเครื่องแบบจากผ้าพับเดียวกัน และถ้าถามว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งกองร้อยพิเศษคนแรก ก็ต้องตอบว่าถ้าถือว่ากองร้อยพิเศษคือกองลูกเสือที่ผมกล่าวถึงนั้น ผมก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า ตัวผมเองเป็นคนก่อตั้งลูกเสือกองนี้ขึ้นมา โดยความสนับสนุนของรุ่นพี่ อาจารย์อนุสรณ์ รักษมณี และอาจารย์ประเทือง ทองเยี่ยม
ความเป็นมาก็คือ ผมได้เข้ามาเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ใน ปีการศึกษา 2516 ได้เลขประจำตัว 13598 อาจารย์พิทยา ไทยวุฒิพงษ์ เป็นอาจารย์ใหญ่ ต่อมาปลายปี 2516 อาจารย์เจิม สืบขจร ก็ย้ายมาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่นี่ เมื่อเข้ามาเรียนที่นี่ กิจกรรมแรกที่สนใจ และสมัครเข้าร่วมคือกิจกรรมลูกเสือ โดยที่รุ่นพี่ได้เดินรับสมัครนักเรียนที่เคยเป็นลูกเสือ และเคยไปเดินสวนสนามในวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติวันที่ 1 กรกฎาคมตามห้องเรียน ผมจึงได้สมัครเข้าเป็นลูกเสือ รุ่นพี่เท่าที่จำได้ขณะนั้นมีพี่สันติชัย ธานี พี่สมยศ ผมจำนามสกุลไม่ได้ พี่ทนงศักดิ์ จำนามสกุลไม่ได้เช่นกัน พี่ชัยวัฒน์ จิตต์นุกูลศิริ เรียกให้มาซ้อมสวนสนามทุกวันหลังเลิกเรียน และผมก็ได้ร่วมเดินสวนสนามในวันที่ 1 กรกฎาคม 2516 ในนามของกองลูกเสือโรงเรียนวัดสุทธิวราราม แต่หลังจากการสวนสนามแล้วก็ต่างคนต่างไป ไม่มีการฝึกซ้อมอะไรเป็นพิเศษ เมื่อมีการฝึกอบรม หรือมีกิจกรรมอะไรที่ต้องมีลูกเสือไปร่วมรุ่นพี่ก็เรียกมาฝึก เสร็จกิจกรรมก็แยกย้าย กิจกรรมเด่นๆ ที่รุ่นพี่ทำในสมัยนั้นคือการอำนวยความสะดวกการจราจรหน้าโรงเรียนและไปช่วยจราจรที่หน้าโรงเรียนสตรีประเทืองวิทย์ (ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว)ผมโชคดีที่ได้ไปอบรมลูกเสือ ส.น.ร. (ลูกเสือสวัสดิภาพนักเรียน) หรือลูกเสือจราจร ในปี 2517 นั่นเอง จึงมีกิจกรรมทำเป็นประจำทุกวัน ผมรู้สึกว่าลูกเสือ ควรจะมีอะไรมากกว่าเรียกมาฝึกเมื่อมีกิจกรรม เรียกมาซ้อมเมื่อมีการสวนสนาม หรือยืนโบกรถหน้าโรงเรียน เท่านั้น แต่ลูกเสือควรมีการฝึกที่เข้มข้น เพื่อความมีระเบียบวินัย เพื่อความแข็งแกร่งของร่างกาย และจิตใจ โดยเฉพาะการเข้าค่ายพักแรม ซึ่งเป็นหัวใจของลูกเสือ เพราะไม่มีการเข้าค่ายลูกเสือเลยตั้งแต่ผมได้สมัครเป็นลูกเสือจนขึ้น ม.ศ.2 และไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการเข้าค่ายพักแรมเลย เนื่องจากไม่มีคนเริ่มต้น ผมจึงขอรุ่นพี่ว่า ขอให้นำน้องๆ ที่สมัครเป็นลูกเสือแล้วมาฝึกเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง คือจะให้มีการฝึกทุกวันหลังเลิกเรียน วันละ 2 ชั่วโมง เหมือนวงดุริยางค์ ได้ไหม รุ่นพี่ก็สนใจและสนับสนุนให้ทำ โดย การสนันสนุนของอาจารย์อนุสรณ์ รักษมณี และอาจารย์ประเทือง ทองเยี่ยม เป็นที่มาของกองสวนสนาม ในปลายปี 2517 เป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกลูกเสืออย่างจริงจัง ทั้งนี้ก็มีเพื่อนๆ มาช่วยกันฝึกอยู่หลายคน คือ ไชยวัฒน์, วิชัย มี 2 วิชัย, บุญยงค์, ชุมทอง (คนนี้เป็นเจ้าของโรงงานทำข้าวเกรียบงาที่เพชรบุรี ตอนไปเข้าค่ายที่เขาหลวง ไปขนข้าวเกรียบมากินกันพุงกาง), พีระชัย, ยงยุทธ มังกรงาม ขออภัยสำหรับคนแรกๆ ที่จำนามสกุลไม่ได้เลย เพราะสมัยเรียนมักเรียกชื่อเล่น หรือฉายา ไม่เรียกชื่อจริงกันเลย ระหว่างนี้ก็มีเหตุต้องเปลี่ยนชื่อกองลูกเสือกองนี้เป็นครั้งแรก เนื่องจาก พ่อแหวงของวงดุริยางค์ หรืออาจารย์แสวง บุตรน้ำเพ็ชร ผู้ฝึกสอนวงดุริยางค์ อยากนำลูกเสือไปร่วมกิจกรรมด้วย เนื่องจากเห็นว่าพวกเรามีการฝึกระเบียบแถวทุกวัน จนทุกคนมีระเบียวินัยเคร่งครัดมาก ท่านจึงชวนให้ไปเป็นลูกเสือกองเกียรติยศ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพที่วัดเทพศิรินทร์ (เดิมท่านใช้นักเรียนดุริยางค์แต่ท่านเห็นว่าเครื่องแบบดุริยางค์ไม่สมบูรณ์)และท่านก็ใช้บริการลูกเสือเราอย่างต่อเนื่อง เวลาสั่งแถวท่านก็จะใช้คำว่า “กองเกียรติยศ” นำ ผมจึงเปลี่ยนชื่อลูกเสือกองนี้เป็นลูกเสือกองเกียรติยศ แล้วลูกเสือกองร้อยพิเศษ เริ่มจริงๆ เมื่อไร ล่ะ ก็ต้องย้อนประวัติศาสตร์กลับไปที่กองสวนสนาม ครับ เมื่อตั้งกองลูกเสือกองนี้ขึ้นมาแล้ว ผม และรุ่นพี่ก็พยายามหากิจกรรมการฝึกอบรมต่างๆ มาให้ได้อบรมกันโดยเฉพาะการอบรมลูกเสือวิชาพิเศษ การอบรมผู้ฝึกสอน การอบรม ส.น.ร. และการเข้าค่ายพักแรมผมได้พยายามขออาจารย์ให้นำลูกเสือไปเข้าค่ายนอกโรงเรียนซึ่งอาจารย์อนุสรณ์ ก็ให้การสนับสนุน ประกอบกับอาจารย์เจิม สืบขจร ซึ่งได้รับการยกฐานะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนในปี 2517 นี้ เป็นผู้ที่รักในกิจการลูกเสือมากในสมัยที่ท่านมาบริหารโรงเรียนนี้ กิจการลูกเสือเจริญรุ่งเรืองมากจากการสนับสนุนของท่าน ท่านก็ได้อนุญาตให้นำลูกเสือกองสวนสนามไปเข้าค่ายที่ค่ายลูกเสือบางมด ในช่วงปิดภาคเรียนทุกปีจากการที่พวกเราและรุ่นน้องๆ ต่อๆ มาได้ออกไปฝึกอบรมในสถานที่ต่างๆ ที่โดยเฉพาะที่โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสโมสรลูกเสือกรุงเทพ เพราะมีการฝึกอบรมวิชาการลูกเสือต่างๆ อยู่บ่อยๆ และพวกเราได้พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้กับลูกเสือโรงเรียนต่างๆ ที่มาอบรมร่วมกัน ได้เห็นความแตกต่างของลูกเสือโรงเรียนต่างๆ ซึ่งเปรียบเทียบความมีระเบียบวินัย ความแข็งแกร่งของร่างกาย และความสามารถในวิชาลูกเสือแล้ว พวกเราไม่แพ้โรงเรียนต่างๆ ที่มีชื่อเสียงด้านลูกเสืออย่างเช่น สันติราษฎร์วิทยาลัย วัดราชาธิวาส เลย แต่พวกรารู้สึกประทับใจในความมีระเบียบวินัยของโรงเรียนวัดราชาธิวาส เป็นพิเศษ เนื่องจากโรงเรียนนี้มีระเบียบวินัยที่เคร่งครัด เข้มแข็ง เครื่องแบบเหมือนกันหมด การเคลื่อนที่ก็ไปอย่างมีระเบียบมาก แต่เขาเคลื่อนที่ไปเป็นหมู่ แยกกันความคุมเป็นหมู่ๆ ทำให้ควบคุมความเป็นระเบียบได้ง่าย พวกเราคิดกันว่าถ้าเราสามารถหาทางให้มีเครื่องแบบที่เหมือนกันหมดทั้งกองได้ก็จะดีมากเพราะเราเคลื่อนที่ไปเป็นกองร้อย แต่ก็สามารถควบคุมให้ลูกเสืออยู่ในระเบียบวินัยไม่แพ้โรงเรียนอื่นหากมีเครื่องแต่งกายที่เหมือนกันก็จะสวยงามมากแต่ความคิดนี้ก็ยังไม่มีการนำไปต่อยอดเพราะผมกำลังพยายามหาทางนำลูกเสือกองสวนสนามนี้ ไปเข้าค่ายพักแรมต่างจังหวัด ผมปรึกษาอาจารย์อนุสรณ์ว่าอยากพาน้องๆไปค่ายลูกเสือต่างจังหวัดบ้าง เพราะเราไปเคยออกต่างจังหวัดเลย ท่านก็เห็นดีด้วย แต่การนำนักเรียนออกปฏิบัติกิจกรรมนอกสถานที่จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรียนผมจึงหาโอกาสขอพบอาจารย์เจิม สืบขจร ซึ่งเป็นผู้อำนวยการในสมัยนั้น ท่านยินดีสนับสนุน เพียงแต่ต้องมีครูรับผิดชอบงานนี้ เพราะท่านทราบดีว่าการอบรมลูกเสือทุกวิชา ทั้งด้านวิชาการ และภาคปฏิบัติ เป็นการดำเนินการโดยรุ่นพี่เป็นผู้สอนรุ่นน้องทั้งสิ้น อาจารย์อนุสรณ์ และอาจารย์ประเทือง เป็นเพียงที่ปรึกษา และผู้สนับสนุนเท่านั้น เป็น Child Center อย่างแท้จริง แต่การนำนักเรียนออกต่างจังหวัด จะต้องมีอาจารย์เป็นผู้รับผิดชอบตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งอาจารย์อนุสรณ์ ก็ยินดีเป็นผู้รับผิดชอบ และเซ็นหนังสือให้ ผมเดินหนังสือขึ้นถึงอาจารย์เจิม ด้วยตนเองเพื่อความรวดเร็ว ท่านก็สนองตอบอย่างเต็มใจ และเป็นผู้จัดหาค่ายลูกเสือ พร้อมทั้งพาไปเซอเวย์ด้วยตัวเอง ท่านพาพวกเราไปที่ค่ายลูกเสือเขาหลวง จังหวัดเพชรบุรี เพราะท่านเคยเป็นอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนพรหมานุสรณ์ จังหวัดเพชรบุรี และพวกเราก็ได้ไปเข้าค่ายลูกเสือที่ค่ายลุกเสือเขาหลวงนี้ ในช่วงปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2518 ลูกเสือชุดนี้จึงถือเป็นลูกเสือกองแรกที่ไปเข้าค่ายลูกเสือต่างจังหวัด ปีต่อมาหลังจากก่อตั้งกองร้อยพิเศษแล้วเราก็กลับไปอีกครั้งเพื่อไปโดดหอสูงที่ค่ายมฤคทายวัน คราวนี้มาพูดถึงการก่อตั้งกองร้อยพิเศษอย่างเป็นทางการ เมื่อกลับจากค่ายพักแรมแล้ว ก็มีลูกเสือรุ่นนี้ 2 คน มีแนวคิดว่าทำไมเราไม่ทำให้ลูกเสือเราเป็นลูกเสือกองร้อยพิเศษ เหมือนที่โรงเรียนอื่น เขาทำกัน โดยการตัดเครื่องแบบให้เหมือนกันทั้งหมด ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องหมาย อุปกรณ์ต่าง เมื่อมีแนวคิดดังกล่าว ทั้ง 2 จึงนำแนวคิดนี้เสนอต่อที่ประชุมของกองลูกเสือโรงเรียนวัดสุทธิวรารามที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งกองร้อยพิเศษอย่างเป็นทางการ แต่มีมติว่าไม่ควรจะรบกวนผู้ปกครองเรื่องเครื่องแบบเพราะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด รวมถึงต้องทำชุดฝึกขึ้นมาด้วยจึงมีมติว่าให้ลูกเสือเก็บเงินกันเองเมื่อได้เพียงพอที่จะตัดเครื่องแบบแล้วจึงไปดำเนินการสั่งตัด พวกเราได้ชุดพร้อมจะเดินสวนสนามในวันถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2519 แต่ยังไม่ครบสมบูรณ์ จึงยังไม่มีการประกาศเป็นกองร้อยพิเศษอย่างเป็นทางการ พวกเรามาได้เครื่องแบบครบสมบูรณ์ รวมถึงชุดฝึกในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2519 จึงถือว่าวันที่ 25 พฤศจิกายน 2519 เป็นวันก่อกำเนิดลูกเสือกองร้อยพิเศษ โรงเรียนวัดสุทธิราราราม สำหรับลูกเสือ 2 คนที่กล่าวถึง ก็คือ นายประเสริฐ ไวกิตติพงษ์ กับ นายไพบูลย์ แดงประสิทธิ์ จึงถือว่าทั้ง 2 คนเป็นผู้ก่อตั้งลูกเสือกองร้อยพิเศษโรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยนายประเสริฐ ไวกิตติพงษ์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานลูกเสือกองร้อยพิเศษ คนแรก
จากนั้นก็ได้มีการระดมผู้ออกแบบสัญญลักษณ์ จนได้เครื่องหมายกองร้อยพิเศษเป็นรูปทรงรูปโล่ห์ พื้นสีเขียวขอบเดินดิ้นสีชมพู ช่อชัยพฤกษ์ปักด้วยดิ้นสีขาววางขนาบ 2 ข้าง ตรงกลางเป็นรูปวชิร ซึ่งเป็นคฑาประจำองค์พระผู้กำเนิดลูกเสือ ปักด้วยดิ้นสีทอง ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวปักด้วยดิ้นสีชมพู มีตัวอักษรปักด้วยดิ้นสีขาวคำว่ากองร้อยพิเศษอยู่ใต้ฐานดอกบัว ออกแบบโดย ด.ร.พนม หวัดสว่าง (พี่พนม) เสื้อฝึก เป็นเสื้อยืดคอกลมสีเขียวตองอ่อน มีขอบคอ และขอบแขนสีขาว สกรีนเครื่องหมายกองร้อยพิเศษสีดำกลางหน้าอก และสกรีนคำว่า “วัดสุทธิวราราม” สีดำเช่นกัน ใต้เครื่องหมาย
ลูกเสือกองร้อยพิเศษ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เมื่อเริ่มก่อตั้ง มีอุปสรรคมากพอสมควร อุปสรรคที่สร้างปัญหาให้แก่กองร้อยพิเศษมากจนดูเป็นความขัดแย้งในหมู่พี่น้องชาวกองร้อยพิเศษ คือตั้งแต่ปีการศึกษา 2518 มีการแบ่งการเรียนการสอนเป็น 2 รอบ เช้า บ่าย เป็นผลให้การบริหารดูแลกองร้อยพิเศษ ขาดเอกภาพ เนื่องจากต้องแยกกันฝึกเป็น 2 รอบ คือ ฝึกหลังเลิกเรียนของแต่ละรอบ โอกาสที่จะฝึกรวมกันมีเพียงวันเสาร์ หรือโอกาสที่จะต้องออกงานเท่านั้น ทำให้ขาดเอกภาพในการบริหาร เพราะแต่ละรอบจะมีประธานในรอบของตนเองเป็นผู้ดูแลการฝึกซ้อม ลูกเสือก็จะสนิทสนม และเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาที่อยู่ในรอบเดียวกัน เมื่อมีการฝึกร่วมกันจึงขาดประสิทธิภาพในการฝึก จนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างรอบขึ้น ประธานในขณะนั้นจึงนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของกองลูกเสือโรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพื่อร่วมปรึกษาหาทางแก้ไข ที่ประชุมเห็นพ้องว่าจะต้องรวมลูกเสือ 2 รอบให้เป็นหนึ่งเดียว คือจะต้องทำการฝึกร่วมกันให้มากที่สุด และต้องตัดขั้นการบังคับบัญชาให้เป็นเอกภาพ โดยต้องมีบุคคลที่ลูกเสือทั้ง 2 รอบให้ความไว้วางใจ ประกอบกับ นายประเสริฐ ไวกิตติพงษ์ แจ้งในที่ประชุมว่าจะไม่เรียนต่อ ม.ศ. 4 ในปีการศึกษา 2520 เพราะต้องการจะไปทางสายอาชีวะ ดร.พนม ซึ่งเป็นที่ปรึกษา และได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนั้นด้วย จึงเสนอว่าผมควรลงมาดูแล เพื่อจัดการรวบรวมกองร้อยพิเศษ ทั้ง 2 รอบให้เป็นหนึ่งเดียว แม้ว่าผมกำลังจะขึ้น ม.ศ. 5 ซึ่งต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ที่ประชุมยังไม่สามารถหาบุคคลอื่นมาทำหน้าที่นี้ได้ จึงมีมติเลือกให้ผมรับหน้าที่เป็นประธานลูกเสือกองร้อยพิเศษโรงเรียนวัดสุทธิวราราม คนที่ 2 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวสำหรับการแก้ปัญหาก็คือได้ปรับปรุงการบังคับบัญชาให้เหลือเพียงกองร้อยพิเศษเพียงหนึ่งเดียวไม่มีรอบเช้า รอบบ่าย ไม่มีกองลูกเสือโรงเรียนวัดสุทธิวรารามซึ่งเป็นหน่วยคุมนโยบายอีกต่อไป การฝึกซ้อมก็ให้ฝึกซ้อมรวมกันหลังเลิกเรียนรอบบ่าย ซึ่งก็นับว่าลูกเสือรอบเช้าต้องเสียสละมากพอสมควรเพราะต้องรอให้รอบบ่ายเลิกเรียนจึงเริ่มการฝึก แต่ก็เป็นผลดีทำให้ลูกเสือกองร้อยพิเศษมีความรักใคร่ สามัคคีกันมากขึ้น ขจัดความขัดแย้งระหว่างรอบไปได้สำหรับเรื่องห้องลูกเสือนั้นผมได้ร้องขอต่ออาจารย์เจิมว่าลูกเสือเราควรมีห้องสำหรับเก็บอุปกรณ์ สำหรับประชุมวางแผนการปฏิบัติงาน สำหรับใช้เป็นห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเวลาฝึก และสำหรับการพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างพี่น้อง จนเราได้ห้องลูกเสือห้องแรกชั่วคราวบนชั้น 2 ของตึก 4 ห้องสุดท้ายตรงบันไดหนีไฟ จากนั้นด้วยความกรุณาของอาจารย์ศิลปชัย พงษ์ชุบ โดยที่ท่านเป็นเหรัญญิกของสมาคมผู้ปกครอง และครู ท่านจึงของบประมาณจากสมาคมมาสร้างห้องลูกเสือขึ้นใหม่บริเวณใต้ตึก 5 ช่วง 2 ล๊อค สุดท้าย การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2519 ทำให้เราได้ห้องลูกเสือที่กว้างขวางขึ้น และสวยงามขึ้นประวัติของกองร้อยพิเศษที่พอจะจดจำได้น่าจะได้เพียงเท่านี้ เพราะเมื่อผมจบจากโรงเรียนวัดสุทธิวรารามแล้ว ได้มีโอกาสกลับมาช่วยดูแลรุ่นน้องบ้างเป็นครั้งคราว ตามแต่โอกาสจะอำนวย ทำให้เรื่องราวของกองร้อยพิเศษฯ ในช่วงต่อๆ ไปไม่ใคร่เด่นชัด จึงไม่ขอลงในที่นี้เนื่องจากอาจเกิดความผิดพลาดได้สูงจึงขอเสนอในส่วนที่พอจำได้เท่านั้นแต่จะขอลองลำดับทำเนียบประธานกองร้อยพิเศษโรงเรียนวัดสุทธิวราราม เท่าที่จะพอลำดับได้ดังนี้
1. นายประเสริฐ ไวกิตติพงษ์ รุ่นก่อตั้ง
2. นายสมชาย กนกวัฒนะพันธุ์ รุ่นก่อตั้ง
3. นายพิสณฑ์ กุลชล รุ่นก่อตั้ง
4. นายวิชัย (ดร.จิรชัย) บูรณะฤทธิ์ทวี รุ่น 1
5. นายมนัส ผมจำนามสกุลไม่ได้ รุ่น 3
6. นายธนากร จำนามสกุลไม่ได้ รุ่น 3
7. นายสุโชติ เลิศปรีชาพันธ์ รุ่น 3
8. นายทนง ไทยวัฒนาพร รุ่น 4
9. นายวิโรจน์ รุ่น 7
10. นายวชิระ จันทนา รุ่น 8
กองร้อยพิเศษโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ยืนยงทำชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนมาได้ประมาณ 14 ปี ก็ต่อมีอันต้องปิดกองสาเหตุจากความขัดแย้งของผู้ใหญ่กระทบลงมาที่กองลูกเสือ เราจึงประกาศยุบตัวเองในขณะที่กองร้อยพิเศษรุ่นที่14กำลังจะเกิดขึ้นต่อมาทราบว่าอาจารย์ถนอมจิตต์ ขุทะกะพันธ์ (นามสกุลถ้าผิดรบกวนเขียนแก้มาให้ด้วยครับ)ได้ดำเนินการก่อตั้งกองร้อยพิเศษขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อเพชรบงกชต่อท้ายลูกเสือกองร้อยพิเศษโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และดำเนินกิจกรรมมาจนกระทั่งปัจจุบัน (ไว้มีโอกาสจะมาต่อให้อ่านใหม่)คับวันนี้พอแค่นี้ก่อน บายยยยยยย 

1 ความคิดเห็น: